ขนาดตัวอักษร แสดงผล

สื่อประชาสัมพันธ์

News

แถลงการณ์ 
คืนเงินกองทุนคนพิการ 1,000 ล้านบาท

วันที่ 16-08-2565 1663
แถลงการณ์ 
คืนเงินกองทุนคนพิการ 1,000 ล้านบาท
– แถลงการณ์ –
สภาคนพิการขอขอบคุณศาลปกครองสูงสุดที่พิพากษาให้กระทรวงการคลัง
คืนเงินกองทุนคนพิการ 1,000 ล้านบาท
 
ตามที่เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาต่อคดีที่สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยยื่นฟ้องกระทรวงการคลังซึ่งได้ยึดเงินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดิน จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยศาลพิพากษาศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการคลัง ที่กำหนดให้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการนำเงินส่งคลังเป็นรายได้ของแผ่นดินเฉพาะส่วนที่เกินกว่า 1,000 ล้านบาท และยกฟ้องพก. กล่าวคือ ให้กระทรวงการคลังคืนเงินแก่กองทุนคนพิการ 1,000 ล้านบาทจากที่ยึดไป 2,000 ล้านบาท)
(อ้างอิงข่าวจากสำนักงานศาลปกครอง https://www.facebook.com/admincourt/posts/2663687203890669)
 
สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และองค์กรสมาชิกระดับชาติ 7 องค์กรได้แก่ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย
สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย
สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย
สมาคมผู้ปครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย
สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม(ไทย)
และสมาคมเพื่อคนพิการทางจิตแห่งประเทศไทย
พร้อมทั้งผู้นำคนพิการจากสภาคนพิการทุกประเภทประจำจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด
และภาคีเครือข่าย ตลอดจนคนพิการและครอบครัวทั่วทั้งประเทศไทย
ขอกราบขอบพระคุณศาลปกครองสูงสุดเป็นอย่างสูงที่ท่านพิจารณาพิพากษาคืนความเป็นธรรมให้แก่คนพิการและครอบครัว โดยให้กระทรวงการคลังคืนเงินที่ยึดไปจากกองทุนคนพิการกลับคืนมา เพราะเจตนารมณ์ตามบทบัญญัติของกฎหมายต้องการให้นำเงินเหล่านี้ไปใช้เพื่อการจ้างงานคนพิการและเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและครอบครัวเท่านั้น มิใช่ถูกนำไปใช้ปนกับงบประมาณเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคนพิการโดยตรง คำพิพากษานี้นับเป็นชัยชนะของการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่และเป็นเส้นชัยของการรอคอยอย่างยาวนานของคนพิการไทยที่ได้ร่วมกันปกป้องคุ้มครองเงินของตนและกองทุนของคนพิการเอง ประกอบกับจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานในการป้องปรามไม่ให้รัฐบาลใช้ดุลยพินิจโดยอำเภอใจโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์สุขของคนพิการและครอบครัวอีก
ที่มาของคดีดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นจากการที่ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งให้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการนำเงินสภาพคล่องส่วนที่เกินความจำเป็น ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินจำนวน 2,000 ล้านบาท โดยให้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเป็นผู้จัดตั้งและกำกับดูแลกองทุนฯ นำเงินส่งคลังภายในทันที
 
ดังนั้นเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 สมาคมสภาคนพิการฯ จึงยื่นฟ้องกระทรวงการคลังและกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการต่อศาลปกครอง โดยที่สมาคมสภาคนพิการฯ และองค์การคนพิการแต่ละประเภทเห็นพ้องต้องกันว่าหากกองทุนฯ ส่งเงินจำนวน 2,000 ล้านบาท ให้กับกระทรวงการคลังจะส่งผลให้คนพิการจำนวนกว่า 2 ล้านคน ได้รับความกระทบกระเทือนแสนสาหัส เพราะกองทุนเป็นทุนสำหรับใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตั้งแต่การฟื้นฟูสมรรถภาพ การศึกษา การกู้เงินไปประกอบอาชีพ การส่งเสริมการมีงานทำ สวัสดิการต่างๆ เช่น ล่ามภาษามือ ผู้ช่วยคนพิการ รวมทั้งใช้เพื่อการสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรด้านคนพิการ เป็นต้น ประกอบกับตั้งแต่ปี 2559 กองทุนฯ มีรายได้จากการจ่ายเงินเข้ากองทุนของนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง แต่กลับมีรายจ่ายเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังปรากฏว่าตั้งแต่ปี 2560 กองทุนฯ ไม่เคยได้รับการอุดหนุนงบประมาณแผ่นดินจากรัฐบาลเลยแม้แต่บาทเดียว ทั้งที่กองทุนฯ ขอรับการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลทุกปี จึงเชื่อได้ว่าเงินไหลเข้ากองทุนจะลดน้อยลงกว่าเงินไหลออก จนกองทุนต้องประสบภาวะขาดสภาพคล่องในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ กองทุนคนพิการเป็นเงินที่ได้มาจากการจัดตั้งขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะกิจตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ที่มาของเงินส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากงบประมาณแผ่นดิน แต่มาจากนายจ้างที่ไม่ได้รับคนพิการเข้าทำงานตามระบบโควตาและปรารถนาจะส่งเงินเข้ากองทุนแทน อนึ่ง ในปี 2562 ระหว่างกระบวนการพิจารณาคดีของศาลปกครอง ก่อนที่จะมีคำพิพากษาใดๆ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) จำต้องส่งเงินให้แก่กระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เสี่ยงเป็นการขัดต่อคำสั่งทางปกครองซึ่งจะถูกลงโทษได้ แม้จะเป็นการสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้แก่คนพิการและครอบครัวก็ตาม
 
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2563 ศาลปกครองกลางได้พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการคลังและให้กระทรวงการคลังคืนเงินให้กับกองทุนของคนพิการจำนวน 1,000 ล้านบาท เนื่องจากศาลเห็นว่า เป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบและเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งยังมีข้อเท็จจริงว่าการนำเงินของกองทุนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามคำสั่งของกระทรวงการคลังอาจส่งผลต่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการตามภารกิจในอนาคต และต่อสภาพคล่องของกองทุน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของกองทุนตามกฎหมาย แหล่งที่มา (ที่มาจากสำนักงานศาลปกครอง https://www.facebook.com/admincourt/posts/2663687203890669)
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 สมาคมสภาคนพิการฯ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดพิจารณาพิพากษา ขอให้กระทรวงการคลังคืนเงินของกองทุนคนพิการทั้งหมด 2,000 ล้านบาท เพราะในขณะนั้นภัยโควิด-19 ทำให้สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เจ้าของสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่หลายแห่งมีการเลิกจ้างลูกจ้างอย่างรวดเร็วหรือปิดกิจการลง อีกทั้งยังเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดมาตรการยกเว้นการส่งเงินเข้ากองทุนฯ วิกฤติการณ์ดังกล่าวทำให้กองทุนฯ มีรายได้จากการจ่ายเงินเข้ากองทุนของนายจ้างลดน้อยลง แต่กลับมีรายจ่ายเพิ่มสูงขึ้น เพราะต้องนำเงินกองทุนไปช่วยเหลือเยียวยาบรรเทาคนพิการและครอบครัวจากวิกฤตโควิด ไปจนถึงการให้คนพิการและผู้ดูแลคนพิการกู้ยืมเงินกองทุนกรณีฉุกเฉินเพื่อการประกอบอาชีพ รวมแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท
สุดท้ายนี้ สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย คนพิการและครอบครัวทั่วทั้งประเทศไทย ขอกราบขอบพระคุณศาลปกครองสูงสุดเป็นอย่างสูงอีกครั้งที่ท่านพิจารณาพิพากษาด้วยความเที่ยงธรรม และขอให้คำมั่นสัญญาแก่ทุกคนว่า สภาคนพิการฯ จะดำเนินการเร่งรัดให้กระทรวงการคลังรีบปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด คืนเงินให้แก่กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการโดยเร็วที่สุด รวมทั้งสภาคนพิการฯ ขอยืนยันว่าจะมุ่งมั่นส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิคนพิการและครอบครัวเช่นนี้ตลอดไป
 
จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2565
 
ดาวน์โหลดคำแถลงการณ์และเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ที่
https://drive.google.com/drive/folders/1lV7CejO0Uo6Oc8daTcfm3u-hXGmz8hVJ?usp=sharing

สื่อประชาสัมพันธ์ล่าสุด

กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

สายด่วนคนพิการ

สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย Disabilities Thailand

255 ห้อง 6-8 ชั้น 3 อาคารศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APCD) ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400

E-mail : disabilitiesth@gmail.com

ติดตามเรา